head-bannonggo-min
วันที่ 18 เมษายน 2024 7:24 AM
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนบ้านหนองโก
โรงเรียนบ้านหนองโก
หน้าหลัก » นานาสาระ » 8วิธีแก้ง่วง สามารถทำแล้วได้ผลจริง

8วิธีแก้ง่วง สามารถทำแล้วได้ผลจริง

อัพเดทวันที่ 25 พฤศจิกายน 2020

8วิธีแก้ง่วง สามารถทำได้ง่ายๆและรับรองว่าได้ผลจริงแน่นอน

8วิธีแก้ง่วง ความง่วงศัตรูตัวสำคัญของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนกาล เป็นตัวที่ฉุดรั้งความเจริญของคนหลายๆคน ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานอย่างหนักเป็นสาเหตุแรกๆของอาการง่วงนอน ตามหลักศาสนา มี 8 วิธีในการแก้ง่วง แต่โดยเนื้อหาแล้วเป็นการแก้ความง่วงของพระที่ทำสมาธิจนเหนื่อย ซึ่งอาจไม่ตรงต่อความต้องการของคนในยุคปัจจุบัน ในบทความนี้ผู้เขียนจะประยุกย์คำสอนของพระพุทธเจ้าให้สามารถใช้ได้ในชีวิตจริง

1.อย่าไปคิดถึงเราง่วง

เชื่อไหมครับว่าสำนวนที่ว่า “ความคิดเป็นนาย กายเป็นบ่าว” มีความจริงอยู่มากเลย ลองคิดว่าตอนนี้รู้สึกเบื่อจัง ทั้งที่จริงแล้วไม่รู้ว่าเบื่ออะไร ร่างกายของคุณจะตอบสนองด้วยความเชื่องช้า สุดท้ายคุณก็จะคิดว่าเบื่อขึ้นมาแล้วจริงๆ นั่นขนาดคุณไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง อีกตัวอย่างนึงถ้าตอนนั้นคุณกำลังหิว แล้วคุณกำลังคิดเรื่องของกิน

สุดท้ายแล้วคุณจะรู้สึกว่าหิวขึ้นมาจริงๆแล้วไหมครับ ซึ่งการที่เรารู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าต้องการเอนหลังบนเตียงนุ่มๆ อย่างน้อยเป็นโซฟาก็ได้ แค่นี้เราก็ง่วงไปแล้วครึ่งนึง ถ้าเราคิดไปอีกว่าง่วงจังเลย จบเกมครับ คุณจะรู้สึกง่วงอย่างกู่ไม่กลับ  แต่ช่วงเวลาที่เราเริ่มรู้สึกว่าง่วงแบบนี้เราจะสามารถแก้ได้โดยการ เบี่ยงเบนความสนใจของเราให้คิดเรื่องอื่นแท้ อาจจะเป็นเรื่องสนุก หรือเรื่องน่ากลัวอย่างเรื่องผีก็ดี ขอแค่ไม่ใช่เรื่องที่เรารู้สึกง่วงก็พอ

2.ตอนนั่งทำงานลองทบทวนการทำงานของตัวเองตั้งแต่ต้นดู

มันคงมีเพียงไม่กี่สถานการณ์ที่เราจะรู้สึกง่วงแต่ไม่อยากนอน หนึ่งในนั้นคือการที่เรากำลังจดจ่อกับบางสิ่งบางอย่างมากเกินไป เช่น งานประจำ การเรียน และแน่นอนว่าเราคงไม่อยากหลับระหว่างนั้นแน่นอน หากเราทำตามวิธีแรกแล้วยังไม่ได้ผล ลองตั้งสติแล้วทบทวนว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันมีเรื่องที่ต้องรู้อะไรบ้าง

เช่น เวลาที่เราอ่านหนังสือเรียนมากๆจนรู้สึกว่าง่วงอยากนอน แต่ยังนอนไม่ได้เพราะจำเป็นต้องอ่านให้เสร็จในคืนนี้ คุณลองปิดหนังสือจากนั้นก็ทบทวนเนื้อหาในใจตั้งแต่ต้นดู มันจะช่วยให้คุณมีสติและหายจากความง่วงได้ หากทำงานอยู่ไม่ว่ากำลังอ่านอะไรก็ตามแล้วรู้สึกง่วง ลองทบทวนขั้นตอนการทำงานของตัวเองให้หัวดูครับ

3.ทบทวนในใจไม่ได้ก็พูดเปล่งเสียงออกมา

คล้ายกับข้อ2 แต่ถ้าคุณได้ลองทบทวนเนื้อหาของการทำงาน เนื้อหาเรียนในหัวก็แล้ว ยังรู้สึกง่วงอยู่ดี ขั้นต่อไปคือลองพูดขั้นตอนหรือเนื้อหานั้นออกมาเลย ซึ่งนี่จะช่วยให้เราได้มีการขยับกล้ามเนื้อบ้าง และยังเป็นการทบทวนในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เสริมสติไม่ให้หลุดลอยได้ ขั้นตอนนี้อาจยากไปสำหรับบางคน

เพราะปัญหาด้านสภาพแวดล้อมล้อมไม่อำนวยต่อการพูดออกมาดังๆ หรือห้ามส่งเสียง เช่นนี้คุณควรออกไปหาที่เหมาะๆที่ไม่มีใครมารบกวนคุณและคุณไม่รบกวนใคร

4.แหย่หูทั้งสองข้างและลูบตัวเองเรื่อยๆ

เป็นวิธีเรียกสติแบบหนึ่งคล้ายๆกับวิธีหยิกแก้มแต่นั่นอาจจะเจ็บได้ ลองใช้คัตตอนบัต เขี่ยหูทั้งสองข้างเบาๆจะทำให้เราจั๊กจี้นิดๆพอที่จะลดความง่วงได้ ต่อมาคือการลูบตัวของเราไปเรื่อยๆโดนใช้ฝ่ามือ ลูบตัว ต้นแขน แขนมือ คอ หรือหน้า นอกจากจะเป็นการแตะตัวเบาๆเพื่อให้ตื่นคล้ายกับการปลุก

ยังเป็นการปรับเปลี่ยนอุณหภูมิของร่างกายไม่ให้เย็นลง ลองสังเกตว่าตอนที่เรารู้สึกง่วงร่างกายเราจะเย็นลง เมื่อเราลูบไปเรื่อยๆ จึงช่วยลดความง่วงได้

8วิธีแก้ง่วง

5.ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา ออกไปแหงนมองท้องฟ้า

หากทำมาแล้วตั้ง4ข้อก็ยังไม่สามารถให้คุณตาสว่างได้ ต่อไปเป็นวิธีการสามัญที่คนหลายคนมักใช้ คือการล้างหน้าตาให้รู้สึกว่าตัวเองสดชื่นมากขึ้น เหมือนได้ระตุ้นดวงตาที่หนักอยู่ให้เบาลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่นั้น คุณควรจะเปลี่ยนองศาของหัวให้แหงนขึ้นนิดหนึ่ง เพื่อเป็นการฝืนแรงโน้มถ่วงของโลก

ที่พยายามกดเราให้นอนหลับอย่างสบาย ลองออกไปข้างนอกที่สามารถเห็นท้องฟ้าได้ ถ้าเป็นตอนเช้าก็ยื่นมองก้อนเมฆแต่ละก้อนอย่างตั้งใจ วิธีแก้ง่วงตอนเรียน หรือจิตนาการว่ารูปร่างมันคล้ายกับอะไรบ้าง หากเป็นช่วงกลางคืนก็ออกไปมองดูดาวบนท้องฟ้า ผู้เขียนคิดว่าวิธีนี้เป็นการผ่อนคลายที่ดีและช่วงให้ไม่ง่วงมีแรงทำงานต่อไปได้

6.จิตนาการถึงแสงที่สว่างมากๆ

วิธีการนี้อาจต้องใช้หัวหน่อยเพราะเราจจะต้องนึกภาพแสงสว่างที่จ้ามากๆ ในหัวของเรา เสมือนเป็นการหลอกร่างกายของเราว่าตอนนี้เป็นตอนเช้านะ หรือเรากำลังอยู่กลางแดดร้อนๆ จะหลับลงได้อย่างไร อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปช่วงแรกๆว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ซึ่งจิตใจใช่ว่ามันจะล่องลอยควบคุมไม่ได้

เราสามารถบังคับมันได้เช่นเดียวกับร่างกายของเราและอาจต้องใช้การฝึกฝนสักนิด อย่างไรก็ดี การที่เราจิตนาการถึงแสงที่สว่างมากๆ คงเป็นอะไรที่ไม่ยากมากนัก

7.ลุกขึ้นเดินไปเรื่อยๆแต่อย่าลืมเรื่องที่ตัวเองกำลังทำอยู่

และแล้วก็ถึงเวลาลุกขึ้นออกไปเดินยืดเส้นยืนสายบ้าง แต่ก็ใช่ว่าเราจะเดินเล่นสบายๆคิดเรื่องอะไรก็ได้เพราะจะทำให้เราสมาธิหลุดจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ และเราจะยิ่งทำมันเสร็จได้ช้าลง ระหว่างที่เราเดินไปก็ค่อยๆคิดเกี่ยวกับงานเรื่อยๆว่าจะทำอะไรต่อไปดี ทบทวนสิ่งที่เราทำไป จะช่วยลดความง่วงและทำให้กลับมาทำงานต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

8.นอนตะแคงขวา

เรามาถึงวิธีสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าเสนอให้เราแก้ง่วง คือ การนอนตะแคงขวาทับซ้อนกันและคิดอยู่เสมอว่าตัวเองจะนอนให้พอหายง่วง จะไม่หลับไปจริงๆ และหลังจากที่ลุกขึ้นแล้วจะลุยงานต่อให้เสร็จ แม้จะเป็นวิธีที่ทำได้ยากไปสักนิด ไม่เหมาะที่จะใช้ไปข้างนอกบ้าน แต่ข้อนี้ก็ช่วยให้เราได้เอนตัวนอนบ้าง ถึงจะนอนได้ไม่เต็มที่ก็ตาม

จบแล้วครับสำหรับวิธีการแก้ง่วงของพระพุทธเจ้า ใครๆที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ไหว และง่วงมาก ลองทำตามข้อหนึ่งจนถึงข้อแปดดู อย่างไรก็ตาม หากทำทุกข้อแล้วยังไม่หายง่วง ผู้เขียนก็ยังมีไม้ตายสุดท้ายที่ทำให้หายง่วงได้เป็นปริทิ้งคือ การไปนอนหลับครับ

นานาสาระ ล่าสุด
โรงเรียนบ้านหนองโก
โรงเรียนบ้านหนองโก
โรงเรียนบ้านหนองโก
โรงเรียนบ้านหนองโก